หลักเกณฑ์การเสนอวาระการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น และการเสนอชื่อกรรมการ

    คุณสมบัติของผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นที่จะเสนอระเบียบวาระการประชุมหรือเสนอชื่อกรรมการต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
    1. เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัททื่ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 0.05% โดยอาจเป็นผู้ถือหุ้นรายเดียวหรือหลายรายรวมกันได้
    2. รายละเอียดข้อมูลประกอบการพิจารณา เช่น ชื่อ นามสกุล จำนวนหุ้นที่ถือ เป็นต้น
    3. ถือหุ้นบริษัทในสัดส่วนที่กำหนดตาม 1.1 ต่อเนื่องมาไม่น้อยกว่า 1 ปี และต้องถือหุ้นในวันที่เสนอระเบียบวาระการประชุมหรือเสนอชื่อกรรมการ
    การเสนอระเบียบวาระการประชุม เรื่องที่จะไม่บรรจุเป็นระเบียบวาระการประชุม
    1. เรื่องที่ขัดกับกฎหมาย ประกาศ ข้อบังคับ กฎและระเบียบต่างๆ ของหน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานที่กำกับดูแลบริษัท หรือไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ข้อบังคับ มติที่ประชุมผู้ถือหุ้น การกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัท
    2. เรื่องที่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดโดยเฉพาะ
    3. เรื่องที่เป็นอำนาจการบริหารจัดการของคณะกรรมการเว้นแต่เป็นกรณีที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญต่อผู้ถือหุ้นโดยรวม
    4. เรื่องที่บริษัทได้ดำเนินการแล้ว
    5. เรื่องที่อยู่นอกเหนืออำนาจที่บริษัทจะดำเนินการได้
    6. เรื่องที่ผู้ถือหุ้นเคยเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา และได้รับมติสนับสนุนด้วยเสียงที่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด โดยข้อเท็จจริงในเรื่องนั้นยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
    7. เรื่องที่ผู้ถือหุ้นให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน หรือไม่ถูกต้อง หรือ ไม่สามารถติดต่อได้
    8. เรื่องที่เสนอโดยผู้ถือหุ้นที่มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนตามข้อ 1
ขั้นตอนในการพิจารณา
    การเสนอชื่อกรรมการ หลักเกณฑ์และคุณสมบัติบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อกรรมการ ดังนี้
    1. ต้องเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ และมีลักษณะความเป็นผู้นำ
    2. มีประสบการณ์ในงานด้านต่างๆ ที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท
    3. เป็นผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีความคิดเชิงกลยุทธที่สามารถนำบริษัทไปสู่การเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนอีกทั้งเป็นผู้มีคุณธรรมและจริยธรรมอีกด้วย
    4. ต้องไม่เป็นผู้แสวงหาประโยชน์ให้กับตนเอง หรือผู้ที่เกี่ยวข้องโดยใช้ข้อมูลภายในที่ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ หรือข้อมูลลับของบริษัทต่อบุคคลภายนอกโดยเฉพาะคู่แข่งขัน และไม่ดำเนินการใดๆ ในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดการขัดแย้งกับผลประโยชน์ต่อบริษัท
    5. ต้องเป็นผู้ทุ่มเทเวลาให้กับธุรกิจอย่างเต็มความสามารถ เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัท
    6. ต้องไม่เป็นผู้มีประวัติในเรื่องการทุจริต หรือมีพฤติกรรมส่อเจตนากระทำผิดกฎหมาย ทั้งในด้านส่วนตัวหรือบริษัท
    7. ต้องเป็นผู้ที่ปฏิบัติภายใต้ขอบเขต อำนาจหน้าที่ ที่บริษัทกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
    ขั้นตอนในการพิจารณา